ประเพณีไทยขึ้นเขาเผาข้าวหลาม
เป็นประเพณีไทยการทำบุญถวายข้าวหลาม ขนมจีนน้ำยาป่าแด่พระภิกษุสงฆ์ วัดหนองบัว วัดหนองแหน ซึ่งอยู่ในเขต อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เหตุที่ถวายข้าวหลามนั้น อาจเป็นเพราะเดือน 3 เป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าว ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา จึงนำข้าวอันเป็นพืชหลักของตนที่ได้จากการเก็บเกี่ยวครั้งแรก ซึ่งเรียกว่าข้าวใหม่ จะมีกลิ่นหอมน่ารับประทานมาก นำมาทำเป็นอาหาร โดยใช้ไม้ไผ่สีสุกเป็นวัสดุประกอบในการเผา เพื่อทำให้ข้าวสุก เรียกว่า “ข้าวหลาม” เพื่อนำไปถวายพระภิกษุ
ประเพณีไทยบุญเดือนสามแสดงให้เห็นถึงการระลึกถึงคุณประโยชน์ของธรรมชาติ ด้วยการบูชาพระแม่โพสพ นับเป็นการสืบทอดและอนุรักษ์ไว้ซึ่งประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของอำเภอบ้างฉาง และจังหวัดระยอง ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างความสามัคคีระหว่างส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจภาคเอกชน พ่อค้า และประชาชนในท้องถิ่นที่ร่วมกันจัดกิจกรรมงานประเพณีของท้องถิ่นอีกด้วย
ประเพณีไทยบุญเดือนสามเดิมเรียกว่าทำบุญกลางทุ่ง เป็นประเพณีที่ยึดถือสืบต่อกันมาแต่บรรพบุรุษ เนื่องจากสมัยก่อนบ้างฉางปลูกข้าวมากเมื่อเวลาเก็บเกี่ยวข้าวเหนียวใหม่ จึงตัดไม้ไผ่มาเผาเป็นข้าวหลามและนิมนต์พระมากลางทุ่ง เพื่อความเป็นสิริมงคลของชาวบ้านก็จะนำข้าว อาหาร และข้าวหลามที่เผาสุกใหม่ๆ ถวายพระ ถือเป็นการทำบุญข้าวใหม่ประจำปีประมาณเดือนสาม ดังนั้นจึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ทำบุญเดือนสาม
ประเพณีขึ้นเขาเผาข้าวหลามของชาวจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประเพณีที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ซึ่งอพยพมาจากเวียงจันทร์ สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) ซึ่งเรียกตัวเองว่า “ชาวลาวเวียง” ปัจจุบันตั้งถิ่นฐานอยู่ในเขต อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
เมื่อชาวบ้านเก็บเกี่ยวข้าวใหม่เรียบร้อยแล้วก็จะกำหนดวันทำบุญ นิยมเลือกที่ลานชายทุ่ง และอยู่ในชุมชนหนาแน่น แล้วไปนิมนต์พระที่วัดใหม่ในหมู่บ้านมาเจริญพระพุทธมนต์เย็น ในวันเจริญพระพุทธมนต์เย็นนั้นชาวบ้านจะนิยมนำข้าวหลาม (เผาข้าวหลาม) เพราะข้าวหลามเป็นข้าวใหม่แต่ละบ้านจะเผากันมาก คือทำแจกจ่ายลูกหลานและนำไปทำบุญข้าวเปลือกด้วย ถือว่าเป็นการบูชาพระคุณแม่โพสพ ในตอนเช้าชาวบ้านก็จะนำสำรับกับข้าวพร้อมข้าวหลามข้าวเปลือกถวายพระเมื่อพระฉันเสร็จก็จะให้พรเป็นอันเสร็จพิธี จึงเท่ากับเป็นการรักษาประเพณีดั้งเดิมที่เคยปฏิบัตมา ซึ่งเป็นการจรรโลงพระพุทธศาสนาทางหนึ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น